ค่าทริป 27,900 บาท

สิ่งที่รวมแล้ว

  • รถท่องเที่ยวบริการทั้งทริป
  • โรงแรมทุกคืน
  • Tour leader จากไทย
  • วีซ่า และ permit
  • ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม
  • อาหารตามโปรแกรม

สิ่งที่ยังไม่รวม

  • ค่าม้า
  • ค่าอูฐ
  • ค่าตั๋วเครื่องบิน

**หมายเหตุ** หากลูกค้า 3-4 ท่าน พร้อมออกเดินทาง เลือกวันเดินทางเองได้ กรุ๊ปเล็ก ไม่วุ่นวาย ออกทริปชัวร์ ถ้าจองตั๋วแล้ว

โปรแกรมทัวร์

วันที่รายละเอียด
Day 1Bangkok – Delhi – Srinagar – Shalima Garden – Nishat Garden – Lake Dal 01.00 น. พบกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เค้าเตอร์สายการบิน Spicejet เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ และแจกเอกสารการเดินทางให้แก่ท่าน 03.50 น. ออกเดินทางด้วยสายการบิน Spicejet เที่ยวบินที่ SG88 06.25น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธี เมืองนิวเดลี รับสัมภาระจากนั้นรอเวลาเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยังเลห์ 10.25 น. เดินทางต่อไปยังศรีนาการ์ (Srinagar) โดยสายการบิน Spicejet เที่ยวบิน SG104 11.55 น. เดินทางถึงเมืองศรีนากา เมืองหลวงของแคว้นจามมูและแคชเมียร์ ตั้งอยู่ในหุบเขาแคชเมียร์ ที่ระดับความสูง 1,730 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งทะเลสาบและสายน้ำ สวนดอกไม้และงานศิลปะที่ประดิษฐ์จากไม้ หลังอาหารกลางวันชม สวนชาลิมาร์ (Shalimar Garden) หรือสวนแห่งความรัก เป็นสวนที่ตั้งอยู่ ณ เชิงเขาที่ทอดยาวไปยังทะเลสาบเบื้องหน้า สวนแห่งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของคนสมัยโบราณ ที่มีการสร้างน้ำพุเรียงกันเป็นแนวยาว และใช้แรงดันน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา ประกอบกับการตกแต่งสวนที่มีดอกไม้นานาพันธุ์แข่งกันเบ่งบานอวดสีสันอันสวยงาม ชม สวนนิชาท (Nishat Garden) ถือได้ว่าเป็นสวนสำหรับการพักผ่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐจัมมูแอนด์แคชเมียร์ ฉากหลังของสวนแห่งนี้ติดกับเทือกเขาซาร์วาวาลที่มีความยิ่งใหญ่และมีหิมะปกคลุม นอกจากนี้ยังมีต้นเมเปิ้ลขนาดใหญ่ที่มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี โดยสวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระบัญชาของพระเจ้าอาซาฟข่านเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับพระนางนูรชาฮาน ผู้เป็นน้องสาว คืนนี้พักที่ ทะเลสาบดาล (Dal Lake) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในแคชเมียร์ มีเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่กลางทะเลสาบ ชาวบ้านจะใช้พื้นที่นั้นในการเพาะปลูกอีกด้วย ชมภาพวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะ
Day 2Jamia Masjid – Sonsmarg – Kargil ชม มัสยิดจามา (Jamia Masjid) มัสยิดแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์คือมีโครงสร้างเป็นหอคอยทรงพีรามิด และมียอดแหลมคล้ายกับเจดีย์ ทั้งยังมีระเบียงโดยรอบ และมีซุ้มประตูทางเข้าอีกด้วย สันนิษฐานว่าอาจปรับแบบมาจากศาสนสถานเดิมในดินแดนแถบนี้ซึ่งเป็นศาสนาพุทธและฮินดูผสมกัน นอกจากนั้น มัสยิดแห่งนี้ยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานคู่กับแคชเมียร์ เนื่องจากได้รับการบันทึกไว้ว่าสร้างมาตั้งแต่ราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมืองโซนามาร์ค บริเวณริมฝั่งข้างทางจะมีทุ่งหญ้าสีเหลืองที่เต็มไปด้วยดอกมัสตาร์ดที่สวยงาม แวะเก็บภาพเป็นที่ระลึก Kargil เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย เคยอยู่ใจกลางความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถาน เป็นเมืองที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และเป็นเมืองแห่งมุสลิม คืนนี้พักผ่อนกันที่ คาร์กิล
Day 3Kargil – Lamayuru – Moonland – likir – Alchi Monastery Leh วัดลามายูรู (Lamayuru Monastery) วิถีชีวิตและวัฒนธรรมเก่าแก่ มีเรื่องเล่าในตำนานว่า บริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้เคยเป็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพญานาค มีคำทำนายระบุไว้ว่า บริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่ๆ พระพุทธศาสนาจะเจริญสูงสุด และในปัจจุบัน วัดลามายูรู ก็เป็นสถานที่ ที่ผู้ต้องการศึกษาพระธรรมคำสอน เดินทางมาหาความสงบ ศึกษาพระธรรม และปฎิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมาก มูนแลนด์ (Moonland) แวะพักถ่ายรูปกันที่ moonland อันเป็นทัศนียภาพอันแปลกตาเหมือนเราอยู่บนพระจันทร์ วัดลิกีร์ (Likir Gompa) จุดชมวิวที่น่าสนใจอีกจุดบนเส้นทางนี้ เป็นวัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรย์ขนาดใหญ่ ที่ฉากหลังเทือกเขารายล้อม กอปรกับทิวทัศน์ระหว่างทางไปสู่วัดที่เป็นถนนผ้าพับบนไหล่เขา ชมรูปปั้น พระโพธิสัตว์ Sakyamuni , Maitreya และ Tsong Khapa รวมถึงภาพวาดหายากที่ริมระเบียงวัด Alchi Monastery กลุ่มอนุสรณ์สถานและอารามที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเขต ลาดักห์ มีอายุยาวนาน กว่า 1000 ปี มีวัดสำคัญสองแห่งในเขตนี้ คือ Lakhang Soma และ Lotsabha Lakhang ที่ตบแต่งด้วยงานไม้แกะสลักฝีมือเยี่ยม รวมถึงจิตกรรมฝาผนังที่สวยงามที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งกษัตริยฮินดูและกษัตริย์แห่งแคชเมียร์ในกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป คืนนี้พักผ่อนกันที่ เลห์
Day 4Leh – Leh palace – Shanti Stupa – Leh เดินทางต่อไปยังเลห์ (Leh) เมืองหลวงของอาณาจักรลาดักห์แห่งเทือกเขาหิมาลัย เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอินเดีย อยู่ที่ความสูง 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ศูนย์กลางการค้าที่ระหว่างลุ่มแม่น้ำสินธุ ทิเบต แคชเมียร์ รวมถึงจีนมาร่วมศตวรรษ สินค้าสำคัญในขณะนั้นคือ เกลือ เมล็ดข้าว ขนสัตว์ ผ้าไหม เป็นต้น ชาวลาดักห์ประกอบไปด้วย คนเชื้อสายอินโด-อารยัน และเชื้อสายทิเบต เป็นเขตที่มีประชากรเบาบางที่สุดในเขตแคชเมียร์ นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบทิเบตเป็นหลัก Leh Palace พระราชวังที่เคยเป็นที่ประทับคงราชวงศ์ผู้ครองนคร สร้างเมื่อ ศตวรรษที่ 16 หรือเกือบ 500 ปีมาแล้ว ตั้งโดดเด่นอยู่กลางเมืองเลห์ สูง 9 ชั้น มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียง กับพระราชวังโปตาลาในทิเบตคือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน Shanti Stupa เจดีย์สีขาว สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก ตั้งอยู่บนยอดเขาในแถบจังสปา อยู่ไม่ไกลเมืองเลห์เท่าไหร่ จากเจดีย์เราสามารถมองเห็นเมืองเลห์ได้ในมุมสูง คืนนี้พักผ่อนกันที่ เลห์
Day 5Leh – Pangong 1 Day trip เดินทางต่อ ไปยังทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก ปันกอง ระหว่างทางมีม้า แกะ และตัวฮิมารายันมามุส ให้ถ่าย และธรรมชาติที่สวยงาม ทะเลสาบแปงกอง (Pangong Lake) หรืออาจจะได้ยินกันว่าผางกงโฉ (Pangong Tso) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก คือมีความสูงถึง 4320 เมตร จากระดับน้ำทะเล น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม และจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆตามมุมของดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงกระทบผืนน้ำ คืนนี้พักผ่อนกันที่ เลห์
Day 6Leh – Khardung la pass – Diskit Monastery – Hunder Sand Dune – camel ride – Nubra คาร์ดุง ลา (Khardung La Pass) จุดที่สูงที่สุดของถนนสายเลห์-นูบร้า มีความสูงราว 5,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล สามารถเห็นแนวเขาคาราโครัม แห่งปากีสถาน ที่มีหิมะปกคลุมนูบร้าวัลเลย์ ซึ่งเส้นทางช่วงนี้ ถนนที่เราผ่านจะคู่ขนานไปกับแม่น้ำ จนถึงหุบเขานูบร้าได้ชื่นชมความงามความสดชื่นตลอดเส้นทาง Diskit Monastery วัดเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในแถบนูบร้าวัลเล่ย์ สร้างในปี 1420 มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เห็นโดดเด่นอยู่ด้านหน้าวัด และเป็นจุดชมวิวที่ดีอีกจุดหนึ่งที่สามารถเห็นหมู่บ้านดิสกิตและหมู่บ้านฮุนเดอร์ที่อยู่ทางซ้ายมือที่ไกลออกไปได้ Hunder Sand Dune ขี่อูฐสองหนอก ที่ทะเลทรายฮุนด้า (Hunder Sandune) ทะเลทรายสีขาว เมื่อมองไปสุดลูกหูลูกตาจะเห็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมพร้อมเนินทรายอยู่ข้างหน้า Nubra ที่อยู่ทางตอนเหนือของเลห์ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และมีแม่น้ำชย็อก (Shayok river) ไหลผ่าน มีอากาศอบอุ่นกว่าเลห์ และมีความสูงที่ต่ำกว่าเลห์ ทำให้อากาศสบายๆ และเหมาะแก่การปลูกผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล แอปปิคอตช่วงกรกฎาคม – สิงหาคม ทุ่งดอกไม้สองข้างทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้ คืนนี้พักผ่อนกันที่ นูบร้า
Day 7Nubra – Turtuk เตอตุ๊ก เป็นหมู่บ้านชายแดน ปากีสถาน ที่นี่เป็นที่ต่ำสุดของทริป มีแม่น้ำชาหยกไหลผ่าน ด้านบนเขามีวัดพุทธ มีจุดชมวิว และเห็นภูเขาหิมาลัย และ K2 คืนนี้พักผ่อนกันที่ TURTUK
Day 8Turtuk - Leh แวะ Disket Monastery ผ่านกาดุงรา
Day 9Thiksey Monastery– Leh – Shopping เดินทางเข้าสู่เมืองเลห์ ให้ท่านช้อปปิ้ง เลือกซื้อของฝากติดไม้ติดมือได้ตามอัธยาศัย ที่ Main Bazaar ร้านค้าที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาซื้อของที่ระลึกจากทิเบต งานฝีมือโบราณ ผ้าขนสัตว์และเครื่องประดับต่างๆมากมายของชาวพื้นเมือง Thiksey Monastery ที่นี่มีสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกับวังโปตาลาในธิเบต จึงได้ชื่อว่าเป็นทิเบตน้อย เป็นวัดในนิกายหมวกเหลือง หรือ นิกายเกลุกปะ อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเชย์ ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย์ซึ่งมีความสูงเท่าอาคารสองชั้น หากเวลาเหมาะสมจะได้ชมพิธีทำวัดเช้าของลามะที่ประจำอยู่ที่วัดนี้ คืนนี้พักผ่อนกันที่ เลห์
Day 10Leh – Delhi – Bangkok 10.00 น. เชคอินเคาร์เตอน์สายการบิน Spicejet เที่ยวบินที่ SG124 (12.00-13.30) แวะเปลี่ยนเครื่องที่เดลี แล้ว เดินทางต่อสู่กรุงเทพ โดยสายการบิน Spicejet เที่ยวบินที่ SG89 (16.05-21.40) 21.40 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ

หมายเหตุ : โปรแกรมอาจเปลี่ยนแปลงตามความสม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *